การถูกตรวจพบและการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร ของ แท่นทดสอบที่ 7

15 พฤษภาคมปี พ.ศ. 2485 หลังจากการถ่ายภาพเรือพิฆาตของเยอรมันที่พอร์ทคีล ร้อยโท ดี ดับบลิว สตีเวนสัน นักบินเครื่องบินสพิตไฟร์ ได้ถ่ายติดภาพ 'สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่' ใกล้กับสนามบินพีเนมุนด์ อีกเดือนต่อมา คอนสแตน บาบิงตัน สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายของสหราชอาณาจักร ได้กล่าวเกี่ยวกับภาพนี้ไว้ว่า "ขนาดมันค่อนข้างเล็กเกินไป...แต่ชั้นว่ามันแปลกตา... พวกกลม ๆ ประหลาดที่เหมือนหลุมพวกนี้... แต่ชั้นก็ไม่ได้คิดมากอะไร" จากนั้นปีต่อมาในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2486 บิล ไวท์ และ รอน เพรสคอตต์ จากเครื่องบิน DZ473 เดอฮาวิลแลนด์มอสกีโต้ ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร ได้ส่งภาพจากฐานทัพอากาศลูคาร์สถึงความเสียหายจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ทางรถไฟสเตทติน "หลังจากกำลังออกจากสเตทติน เราให้กล้องขึ้นบินถ่ายฝั่งเหนือของเยอรมันและเมื่อทำให้ฟิล์มใช้การได้แล้ว ก็ได้เจอกับรูปจากพีเนมุนด์พวกนี้" กองทัพอากาศเมดเมนแฮมได้ศึกษาเกี่ยวกับพื้นที่ทรงไข่ที่น่าสงสัยนี้ (เมื่อเปรียบเทียบจากรูปถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2485) และสังเกตเห็น "วัตถุ" สูง 25 ฟุต (7.6 เมตร) ตั้งอยู่ข้างกับสิ่งก่อสร้างที่คาดว่าเอาไว้ค้ำยัน แต่เมื่อดูรูปถัดไป วัตถุที่น่าสงสัยนี้กลับหายไป

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2486 ได้จับภาพกลุ่มไอน้ำบริเวณพื้นที่ทรงไข่ โดยถูกระบุว่าเป็นไอน้ำจากการทดสอบยิงจรวด ดันแคน แซนดี้ หน่วยถ่ายภาพสอดแนมชุดแรกได้เผยแพร่รายงานในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2486 จากพีเนมุนด์ว่าเกิดภาวะไฟฟ้าไม่เพียงพอ (เยอรมันได้ติดตั้งตัวระบบกำจัดควันและฝุ่นด้วยไฟฟ้าในโรงงานไฟฟ้าใกล้กลับหมู่บ้านโคลพิน) มีรายงานไว้ว่า "สิ่งก่อสร้างทรงไข่นี้น่าจะใช้สำหรับการทดสอบวัตถุระเบิดและขีปนาวุธ... จากมุมด้านบนเป็นที่แน่ชัดว่านี่เป็นจรวดขนาดใหญ่พิสัยไกลแต่ไม่ใช่ภัยคุกคามในทันที" จากนั้นวันที่ 14 พฤษภาคมมีรายงานว่า "มีกิจกรรมในระดับที่สูงผิดปกติ" ที่สามารถสังเกต "บริเวณพื้นที่ทรงไข่" ได้จากรูปของวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ ไรชส์ค็อมมิสซารีอาทอ็อสท์ลันท์ ( เกาไลเทอร์ ฟริทซ์ เซาเคิล) ได้เป็นผู้เข้าชมการปล่อยจรวด หลักฐานแรกที่ยืนยันการมีอยู่จริงของจรวดคือเมื่อเครื่องบินสพิตไฟร์ที่ขับโดยกอร์ดอน ฮิวจ์ ได้ถ่ายติดภาพวัตถุบนรถบรรทุกรถไฟบริเวณพีเนมุนด์ เรจินัลด์ วิกเตอร์ โจนส์ในวันที่ 12 มิถุนายน และยืนยันวัตถุในวันที่ 18 มิถุนายนว่า "วัตุทรงกระบอกสีขาวยาว 35 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 ฟุต พร้อมหัวสีน้ำเงินแหลมและครีบปีกตรงส่วนท้าย... ผมว่าพบจรวดแล้วล่ะ"[12]:435 ในปี พ.ศ. 2486 หลังจากปฏิบัติการไฮดราที่มีการทิ้งระเบิดในพื้นที่ต่าง ๆ ของพีเนมุนด์ แท่นทดสอบที่ 7 ยังคงมีการหมุนเวียนกำลังพล ปี พ.ศ. 2487 มีการทิ้งระเบิดอีกครั้งทำให้กล้องปริทรรศน์เกิดความเสียหายจนถล่มลงมา แต่ผู้ที่อยู่ภายในป้อมปราการนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ (แท่นทดสอบที่ 8 แฮร์มันน์ ไวด์นาร์ ถูกทำลายในช่วงที่มีการบุกเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม ปี พ.ศ 2487)[13]:98